สำหรับเรื่องของกระเทียมได้มีการแชร์กันเต็มไปหมดเลยว่ากินกระเทียมเข้าไปแล้วมันดีอย่างนั้นอย่างนี้เดียววันนี้เราจะมารู้กันว่าที่เขาแชร์กันเรื่องไหนจริงเรื่องไหนลวง

โดยข่าวแรกที่ได้มีแชร์กันว่าการกินกระเทียมช่วยลดความอ้วนได้บอกเลยว่ามันไม่เป็นความจริงกระเทียมเองใครที่กินเข้าไปจะรู้สึกว่ามันมีฤทธิ์เผ็ดร้อนเหงื่อออกแล้วก็มีความรู้สึกว่ามันน่าจะเข้าไปช่วย การเผาผลาญในร่างกายที่จะทำให้ลดความอ้วนได้

ซึ่งในความเป็นจริงแล้วในงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับการกินกระเทียมว่ามันจะมีผลในการลดความอ้วนหรือไม่โดย15งานวิจัยที่เชื่อถือได้การกินกระเทียมมันไม่ได้มีผลการช่วยลดความอ้วนหรือว่าช่วยลดBMIได้

นอกจากนี้การกินกระเทียมสดๆโดยการปอกเปลือกแล้วก็รับประทานโดยตรงเลยมันสามารถที่จะฆ่าเชื้อโรคบางชนิดได้อันนี้เป็นเรื่องจริง สารประกอบที่อยู่ในกระเทียมเป็นกลุ่มของสารซัลเฟอร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารอัลลิซินมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในทางเดินอาหารที่ก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษหากรับเชื้อโรคในปริมาณที่ไม่มากก็จะช่วยบรรเทาอาการหรือป้องกันไม่ให้เกิดอาหารเป็นพิษได้

ซึ่งก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่ได้มีการแชร์กันเยอะมากว่ากินกระเทียมทุกๆวันเป็นประจำจะช่วยป้องกันโรคความดันหรือช่วยลดความดันได้อันนี้เป็นเรื่องจริงๆ

เนื่องจากนี้ความดันโลหิตนั้นมีอยู่2แบบคือความดันโลหิตสูงกับความดันโลหิตต่ำทีนี่การกินกระเทียมจะไปช่วยการทำงานของกล้ามเนื้อเรียบแล้วก็ไปช่วยการขยายตัวของหลอดเลือดโดยการเพิ่มไนตริกออกไซด์มันจะทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัวเป็นผลทำให้ความดันในเลือดลดลงแต่ในทางกลับกันในคนที่เป็นความดันโลหิตต่ำแล้วจะกินกระเทียมเพื่อช่วยในเรื่องของความดันให้สูงขึ้นอาจจะไม่ได้ช่วยอะไร

สำหรับเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเร่องเหมือนกันที่ได้มีการแชร์กันมาในหมู่วัยรุ่นว่าการกินกระเทียมดองมันจะช่วยบดการเกิดสิวได้อันนี้ไม่จริง การเกิดสิวนั้นเกิดจากฮอร์โมนหลายๆชนิด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยรุ่นจะทำให้เกิดสิวได้ง่ายทางตรงกันข้ามการกินของหมักของดองมันอาจจะไปช่วยกระตุ้นทำให้เกิดสิวมากขึ้นด้วยซ้ำและหนึ่งการแชร์กันว่าการกินกระเทียมดองช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศอันนี้ไม่จริงการกินกระเทียมดองกระเทียมสดหรือกระเทียมอะไรก็ตามอาจจะช่วยในเรื่องทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้นทำให้มีคนนำเอาไปเชื่อมโยงว่าจะทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตในอวัยวะเพศดีขึ้นหรือทำให้แข็งตัวนานขึ้นแต่ไม่มีงานวิจัยอะไรเลยที่บ่งบอกเลย

สนับสนุนเรื่องราวโดย  ทาง เข้า dewabet

ในยุคสมัยนี้คงไม่มีใครไม่มีโทรศัพท์มือถือกันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น ทำให้โทรศัพท์นั้นมีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตมากขึ้น เพราะจะช่วยทำให้การใช้ชีวิตประจำวันนั้นสะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยการค้นหาข้อมูล รับข่าวสาร หรือการติดต่อสื่อสารกันผ่านทางเครือข่ายออนไลน์ต่างๆ เหตุนี้จึงทำให้หลายคนเสพติดการใช้โทรศัพท์ ต้องเล่นตลอดเวลา

ส่งผลให้ให้กระทบกับการทำกิจกรรมอย่าง การเรียน การทำงาน และความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้าง การหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นอยู่ตลอดเวลา คอยเช็คข้อความ ความเคลื่อนไหวในโซเชียลเพื่อไม่ให้ตัวเองนั้นพลาด ถ้าหากว่าคุณรู้สึกกระวนกระวายใจเมื่อไม่ได้เล่นโทรศัพท์

นั้นแปลว่าคุณเข่าข่ายของโรคติดโทรศัพท์ หรือ โรคโมโนโฟเบีย ซึ่งโรคนี้ถูกจัดให้เป็นโรควิตกกังวลอีกชนิด ถ้าหากคุณรู้สึกว่าตัวเองนั้นใช้โทรศัพท์มากกว่ากิจกรรมอื่นๆ และต้องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเล่นโทรศัพท์ให้ลดน้อยลงเรามีวิธีมาแนะนำเพื่อให้คุณใช้เวลากับโทรศัพท์ได้อย่างเหมาะสม

1.กำหนดเวลาการใช้

อันดับแรกคุณต้องเริ่มจากการสังเกตการเล่นโทรศัพท์ของตัวคุณเอง และจดบันทึกข้อมูลเรื่องเวลาที่คุณใช้เล่นโทรศัพท์ของแต่ละกิจกรรม แบ่งออกเป็นหมวดเช่น ตอบแชท เล่นเกม ดูยูทูป ฯลฯ สร้างบันทึกขึ้นมาว่าใน 1 สัปดาห์คุณใช้เวลาทำกิจกรรมเหล่านั้นไปเท่าไหร่ แล้วในสัปดาห์ต่อไปคุณก็ค่อยๆลดเวลาเล่นลงทีละนิดเพื่อปรับให้เกิดความคุ้นชิน แล้วถ้าหากคุณไม่อยากให้การเล่นโทรศัพท์กวนสมาธิหรือกิจกรรมที่ต้องใช้ชีวิตประจำวันอย่าง เรียน ทำงาน แนะนำว่าควรเปลี่ยนการแจ้งเตือนชั่วคราว หากธุระเสร็จแล้วค่อยเปิดการแจ้งเตือนอีกครั้ง จะทำให้คุณไม่เสพติดการเล่นทีศัพท์มากเกินไป

2.พูดคุยกับคนรอบข้าง

เพราะโทรศัพท์มือถือคือความสะดวกสบายที่ถูกสร้างมาเพื่อความต้องการของมนุษย์ การติดต่อสื่อสารหากันจึงเป็นเรื่องง่ายกว่าเดิม นั้นคือการสร้างแอพพลิเคชั่น ที่สามารถคุยกันได้อย่างรวดเร็ว ต่อให้จะอยู่ไกลกันแค่ไหนก็สามารถคุยได้ ทำให้รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเจอกันก็สามารถพูดคุยกันได้ นี่จึงเป็นข้อเสีย สำหรับบางคนคุยเก่งมากๆในโทรศัพท์ เมื่อเจอกันจริงๆกลับพูดน้อยหรือไม่กล้าพูดเลย ทำให้เป็นคนขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก ลองปรับเปลี่ยนมาคุยกับคนรอบข้างให้มากขึ้น อย่างการคุยกับเพื่อน คนในครอบครัว ให้บ่อยกว่าการคุยกันในโทรศัพท์ และจะทำให้ความสัมพันธ์นั้นดียิ่งขึ้น

3.ปรับความคิด

ปกติแล้วเมื่อเราได้รับการแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นเมื่อมีข้อความเข้า เราจะรีบกดเข้าไปดูทันทีเพื่อว่าข้อความนั้นจะสำคัญ แต่ถ้าหากเราลองปรับเปลี่ยนแนวความคิดของเราเสียใหม่ว่า ที่จริงแล้วข้อความเหล่านั้นอาจจะไม่ได้สำคัญอะไรมากขนาดนั้น เพราะถ้าหากว่าสิ่งที่ข้อความแจ้งเตือนสำคัญมาก็ควรจะโทรศัพท์ต่อสายตรงเข้ามาเลยเพื่อพูดคุยในทันทีมากกว่าเพียงการส่งข้อความ

4.ทำกิจกรรมอื่น

ลองหากิจกรรมอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากการเล่นโทรศัพท์มือถือ จะทำให้ลดการเล่นมือถือไปได้ อย่างปกติเราจะดูหนังจากโทรศัพท์ ลองเปลี่ยนไปดูในทีวี หรือออกไปดูที่โรงภาพยนตร์ กิจกรรมออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ถึงแม้ว่าบางกิจกรรมอาจจะใช้เวลาไม่นาน แต่ก็เป็นตัวช่วยที่ดีที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าได้ใช้เวลาในการเล่นโทรศัพท์น้อยลง

สนับสนุนโดย  ทาง เข้า dewabet