วันนี้เราจะมาพูดถึงเชื้อโรคชนิดหนึ่งซึ่งมีมานานแล้วแต่ว่าคนเราอาจจะไม่ค่อยรู้จักกันมากนักงั้นก็คือโรคไข้หนูกัดซึ่งโรคชนิดนี้ที่ต้องออกมาเติมนั่นก็เพราะว่าปัจจุบันนั้นประชาชนส่วนใหญ่มักนำสัตว์เลี้ยงแปลกมาเลี้ยงและบางคนก็เลี้ยงพวกหนูแฮมสเตอร์ซึ่งโรคนี้ก็มักจะมาจากสัตว์ชนิดนี้

โดยวิธีการที่ทำให้เกิดโรคไข้หนูกัดนั้นก็เพราะว่าเวลาที่เราเลี้ยงพวกหนูแฮมสเตอร์ต่างๆเราเลี้ยงมันแล้วก็จะพามันออกมาเดินเล่นซึ่งเวลาที่เราเล่นกับมันนั้นเราก็มักจะให้มันนั้นเรียนนิ้วหรือว่าแทะนิ้วซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดจากความเจ็บปวดอะไรออกจะทำให้เรารู้สึกเพลิดเพลินด้วยซ้ำไป

เพราะว่ารอยฟันของหนูที่แทะนี้เรานั้นก็แค่ทำให้เรารู้สึกจักจี้เท่านั้นเองแต่คุณรู้หรือไม่ว่าความสุขของคุณนั้นอาจจะนำมาซึ่งโรคภัยไข้เจ็บให้กับคุณก็เป็นได้เพราะว่ามีการวิจัยจากสถาบันวิจัยของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องของโรคไข้หนูกัดมีว่ามีอาการพบผู้ติดเชื้อโรคไข้หนูกัดเกิดขึ้นมาแล้วหลายรายโดยอาการส่วนใหญ่นั้นมักจะมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว

มีอาการเป็นไข้ปวดหัวและแน่นอนว่าอาการไข้ขึ้นสูงซึ่งทางคุณหมอก็มีการตรวจเช็คประวัติมาพบว่าคนไข้รายดังกล่าวนั้นมีประวัติเคยถูกหนูที่เลี้ยงไว้นั้นกัดนิ้วดังนั้นเมื่อคุณหมอมีการวินิจฉัยเพิ่มเติมก็จะเห็นร่องรอยของการมีผื่นสีแดงขึ้นไม่ว่าจะขึ้นตามมือหรือแม้แต่ตามตามเท้าก็ตาม  ซึ่งกลุ่มต่างๆเหล่านี้มักจะเป็นตุ่มที่มีลักษณะค่อนข้างนูนขึ้นมาหลังจากที่มีอาการทั้งขึ้นผื่นปวดเมื่อยร่างกายแล้ว

คุณจะยังมีอาการเกี่ยวกับเรื่องของพวกตามข้อต่างๆไม่ว่าจะเป็นพวกข้อมือหรือข้อเท้าจะมีอาการบวมซึ่งอาการเหล่านี้เป็นผลมาจากการที่ผู้ป่วยนั้นติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งและเมื่อมีการสำรวจลงไปก็พบว่าเชื้อนี้นั้นมาจากหนูดังนั้นสันนิษฐานได้ว่าคนที่ป่วยเป็นโรคนี้หลังจากที่หนูกัดนั่นก็เพราะว่าเขาได้รับเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายนั่นเองสำหรับในเรื่องของการรักษานั้นก็ต้องให้ทางแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคนี้

รักษาซึ่งจะเป็นการให้ยาโดยลักษณะของการให้ยานั้นจะไม่ใช่เป็นยากินแต่จะเป็นการให้ยาทางเส้นเลือดดำ   คิดดูสิคะว่าการที่เราลักษณะและต้องการเลี้ยงสัตว์นั้นส่งผลเสียกับเรายังไงได้บ้าง ซึ่งการที่เราจะเลี้ยงสัตว์อะไรนั้น เราต้องดูด้วยว่าจะส่งผลเสียต่อร่างกายของเราหรือไม่ พยายามอย่าให้สัตว์เลี้ยงกัดเพราะอัตรายจากสัตว์เลี้ยงนั้นมีเยอะมาก

สนับสนุนโดย  entaplay

          เชื่อว่าหลายคนที่เคยเล่นโซเชียลมีเดียคงน่าจะเคยเห็นกันบ้างเกี่ยวกับการแปรรูปภาพอาหารการกินโดยเฉพาะเวลาแชร์อาหารในช่วงเวลาตอนกลางคืนแล้วก็ แทบอยากจะลุกไปหาของกินกันเลยทีเดียวเรามาดูกันว่าเมนูอะไรที่หน้าตาน่ากินเห็นแล้วทำให้ขาดสติต้องหามากินให้ได้แต่มีผลร้ายแรงอย่างมากหากเรากินอย่างไม่มีสติเพราะจะส่งผลให้เราอ้วน

        เมนูแรกก็ยำไก่กรอบเลยค่ะสำหรับเมนูนี้เขาบอกเลยว่าให้พลังงานแคลอรี่ที่สูงมากต่อจานแคลอรี่ถึง 640 กันเลยทีเดียวเนื่องจากว่าวัตถุดิบที่นำมาใช้นั้นก็คือตัวไก่ที่มันมีหนังไก่ด้วยรวมกับการที่เรานำไปทอดซึ่งต้องใช้น้ำมันดังนั้นส่วนผสมตรงนี้ล่ะค่ะที่จะทำให้เราอ้วนได้ที่สำคัญอาจจะทำให้เราเป็นโรคไขมันอุดตันซึ่งอาหารชนิดนี้ไม่เหมาะอย่างมากที่คนที่ควบคุมน้ำหนักอย่างเราไม่ควรกินแต่ถ้าหากใครเธอไม่ได้กินแล้วเราก็หยุดไม่อยู่ต้องกินเกรงใจกันเลยทีเดียวถ้าใครจะกินก็อย่าลืมระวังอ้วนนะคะ

       สำหรับเมนูที่ 2 นั้นเป็นแนวอาหารอิตาลีค่ะเป็นสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าซึ่งแคลอรี่ก็ไม่ได้น้อยหน้าจากเมนูแรกกันเลยทีเดียวเพราะให้แคลอรี่สูงถึง 700 แคลอรี่กันเลยต้องบอกเลยว่าหาอะไรกินเมนูนี้บ่อยๆแล้วเราก็ความอ้วนถามหาแน่นอนเพราะมีทั้งแป้งและทั้งนมผสมกับชีสและไข่ของบำรุงความอ้วนเต็มไปหมดดังนั้นใครที่ชอบแนวอาหารเส้นอาหารอิตาลีแล้วก็ให้เปิดผ่านๆเมนูเหล่านี้ไปเลยนะคะเพราะไม่เช่นนั้นเราก็หุ่นที่สวยๆของเราพังแน่นอน

      เมนูที่ 3 นี้เป็น อาหารพื้นๆแต่ก็สร้างความเสียหายของร่างกายเราได้เป็นอย่างมากเพราะกินทีไรก็ติดใจในรสชาติของความอร่อยและเป็นอาหารที่หากินได้ง่ายมากหลายคนบอกว่าเป็นอาหารสิ้นคิดของคนที่ไม่รู้จะกินอะไรอะเข้าร้านอาหารก็สั่งแต่ข้าวผัดกระเพราไข่ดาวกระเพรานี้ไม่ว่าจะเป็นกระเพราหมูหรือว่ากระเพราไก่ก็ทำให้เราได้รับแคลอรี่สูงอยู่ดีโดยเข้าผัดกระเพรานั้นให้แคลอรี่อยู่ที่ประมาณ 544 ถึง 600 กิโลแคลอรี่กันเลยทีเดียว

เด็กๆว่าไม่ว่าจะไปที่ไหนเราก็ยังเป็นอาหารจานโปรดที่หลายๆคนเรียกร้องที่จะกินได้รสชาติที่จัดจ้านและเป็นอาหารที่หากินได้ง่ายถูกปากของคนทุกเพศทุกวัยยิ่งโดยเฉพาะกระเพราหมูกรอบแล้วก็แคลอรี่ไม่ต้องพูดถึงเกิน 600 แน่นอนเพราะด้วยความมันของหมูหากใครจะกินเมนูนี้ก็พอๆลงบ้างนะคะไม่อย่างนั้นแล้วก็เป็นเมนูอีกอันหนึ่งที่จะทำให้คนอ้วนได้แน่นอน 

      ออกจากเมนูกับข้าวแล้วเรามาดูเมนูขนมบิงซูเป็นขนมสไตล์เกาหลีที่หลายคนชื่นชอบเพราะมีน้ำแข็งเป็นเกล็ดคล้ายๆหิมะราดด้วยน้ำเชื่อมและนมดังนั้นยิ่งใครใส่ท็อปปิ้งมากเท่าไหร่ใส่ความหวานมากเท่าไหร่พลังงานแคลอรี่ก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นโดยส่วนใหญ่แล้วตอนนี้พลังงานแคลอรี่ของบิงซูมักจะอยู่ที่ประมาณ 300 ถึง 700 กิโลแคลอรี่เขาบอกว่าเมนูนี้หลายคนติดใจอยากจะกินทุกวันซึ่งอย่างที่เรารู้กันดีว่าเนื่องจากภาระได้เยอะถ้ากินทุกวันอ้วนเป็นหมูแน่นอนเลยค่ะ

ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนโดย  entaplay